"การเมืองไม่นิ่ง" เอกชนประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังมีความท้าทายสูง
ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับลดลงเพราะมีความกังวลต่อความยืดเยื้อของสถานการณ์การเมือง การทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐ ย้ำอยากเห็นรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว
ย้ำจุดยืน ต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้ได้ภายในเดือนนี้
นอกจากนั้นแล้ว ภาคเอกชนยังมีจุดยืนเพราะยังมีความท้าทายอีกมาก ทั้งการส่งออกที่ติดลบติดต่อกันมา 9 เดือนแล้ว แนวโน้มเศรษฐกิจโลกก็ไม่ดี จากที่คาดหวังจากภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นก็จริง แต่การใช้จ่ายต่อหัวกลับลดลง
ดังนั้น ตอนนี้ในประเทศต้องร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 4 ส.ค. นี้ผ่านไปได้ ก็ไม่มีปัญหา เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
หากไม่ผ่าน ก็บีบหัวใจหน่อย เพราะไทม์ไลน์ที่เอกชนขีดเส้นไว้คือภายในสิ้นเดือนนี้ต้องได้รัฐบาลใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปีนี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวเป็นไปตามคาดที่ 29-30 ล้านคน แต่การใช้จ่ายต่อหัวยังต่ำอยู่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเต็มที่ ทำให้การฟื้นตัวของบางจังหวัดท่องเที่ยวยังช้า
ขณะที่แรงส่งต่อเศรษฐกิจจากอุปสงค์ภายในประเทศเผชิญปัจจัยท้าทายมากขึ้น จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยต่อคนยังอยู่ต่ำกว่าปี 2562 ภาคครัวเรือนยังมีความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ และห่วงว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น
แบงก์ชาติ จับตา 3 ความเสี่ยงเศรษฐกิจ ได้รัฐบาลช้ากระทบเชื่อมั่น
คนทำงาน 50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบ 4 แสนคน
ชุมนุมหากรุนแรงกระทบท่องเที่ยว
ส่วนการชุมนุมประท้วง หากเกิดความรุนแรง ก็กระทบต่อการท่องเที่ยวเช่นกันพร้อมเสนอรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหาค่าครองชีพ ดูแลต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ปุ๋ย และอาหารสัตว์ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ กกรคำพูดจาก รวมเว็บ PG Slot. ยังกังวลปัญหาภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่คิด อาจสร้างความเสียหายมูลค่าสูงถึง 53,000 ล้านบาท รัฐบาลใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภัยแล้งด้วย
เน้นย้ำ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ต้องช่วยผลักดันเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ช่วยเหลือประชาชนอย่างตรงจุด ไม่ใช่การจุดประทัด คือ กระตุ้นการจับจ่ายเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็หายไป